วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำงานแบบญี่ปุ่นหนักไปแบบไทยขอชิลๆ



ฉาก : ประเทศญี่ปุ่น 
ผู้คนวัยทำงานใส่สูทผูกไทด์ เดินถือกระเป๋า สวนกันไปมาอย่าขวักไขว่ ไม่สนใจแม้แต่จะมองหน้าใคร รู้อย่างเดียวว่า ตรูต้องถึงที่ทำงานให้เร็วที่สุด และอยู่ให้นานที่สุด

(วันก่อนได้ยินข่าวเรื่องราวของคนทำงานหรือมนุษย์เงินเดือนในประเทศญี่ปุ่นแบบว่าโหดมาก (ในความรู้สึกผมนะ) เขาทำแบบมุ่งมั่นตั้งใจมากๆๆๆๆจนรัฐบาลต้องขอให้เพลาๆหน่อยพักผ่อนบ้าง พี่จะเครียดกันมากไปแล้ว ถึงขนาดนั้นเลยทีเดียว )

ตัดฉากมายังเมืองไทยแสนสุขของเรา
วันชิลๆ ศุกร์อันแสนสุข เจ้านายไม่อยู่ ร่างเริงกันแบบฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งวัวกันทั่วหน้า รอเวลาเลิกงาน
วันนี้เงินเดือนออก ชีวิตมีความหวัง ไปกินกุ้งย่างกันที่ไหนกันดีน่าาาาาา
ความสุขอันเปี่ยมล้นมีอยู่ได้ไ่เกิน 3 วัน
วันจันทน์แสนเศร้าก็มาบรรจบอีกครั้ง..........

ไม่ได้ว่าสไตล์การทำงานแบบญี่ปุ่นหรือแบบไทย อันไหนดีหรือด้อยกว่ากันนะครับ ทุกอย่างมีดีต่างกันไป แล้วแต่วิถีชีวิตและวัฒนธรรม วันนี้เลยอยากจะลองเปรียบเทียบสไตล์การทำงานแบบไทยชิลกับแบบญี่ปุ่นสุดเคร่งกันดูนะครับ

ทำงานสไตล์ญี่ปุ่น

  • มุ่งมั่น ทุ่มเท  อดทนสุดๆกดดันตัวเองจนงานเสร็จ ไม่เสร็จไม่เลิก
  • การทำงานมีแบบแผนชัดเจน ไม่ชอบมั่ว ไม่ไร้หลักการ
  • ขยันและมีงานทำอยู่ตลอดเวลา
  • ส่งงานก่อนเวลาเสมอ
  • แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวชัดเจน ไม่ปน ไม่หอบเรื่องส่วนตัวมาเลอะเรื่องงาน
  • สับเปลี่ยนงานเพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หรือที่มักเรียกว่าการ rotate งานนี้เอง
  • เน้นความสัมพันธ์อันดีต่อเพื่อร่วมงาน
  • หลักการ โฮเรนโซ
    • โฮ คือ การรายงาน ไม่ต้องรอให้นายถาม การรายงานความคืบหน้าของงาน คือ หน้าที่
    • เรน คือ การติดต่อประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพฃ
    • โซ คือ การปรึกษาหารือ ถามเมื่อไม่เข้าใจ และถามแบบไม่ต้องเกรงใจ หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานมีหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่องานที่ก้าวหน้า
  • ไม่ค่อยถามถึงวันหยุดนะ ถามแต่ว่าจะทำงานได้วันไหนบ้าง

ทำงานสไตล์คนไทยหย่อน (สำหรับใครบางคนที่อาจเป็นแบบนี้ ไม่ทุกคนนะครับแจ้งกันไว้ก่อน เดี๋ยจะหาว่าเหมา)
  • มุ่งมั่น ทุ่มเท อดทนไม่นานก็เปลี่ยนงาน ชอบงานสบายแต่จ่ายค่าตอบแทนสูง(มีไมเนี่ยงานแบบนี้?)
  • แบบแผนไม่ชัดเท่าความรู้สึก อารมณ์ศิลปิน ปริมาณและคุณภาพขึ้นลงตามอารมณ์ ยืดหยุ่นสูงจนดูเหมือนว่าอาจจะต้องเปลี่ยนแผนก็เป็นได้
  • ขยันให้เสร็จในงานของตัวเองเท่าที่นายสั่ง นอกเหนือจากนั้นฉันไม่แถมงานให้เจ้านายแน่นอนจ้า
  • วันสุดท้ายหรือชั่วโมงสุดท้ายเป็นนาทีทองที่จะต้องลงมือทำงานให้เสร็จ ขอส่งงานตรงเวลาแป๊ะๆ นั้นคือมืออาชีพ
  • สับเปลี่ยนงานฉันทำไม จะลดตำแหน่งฉันหรอ? ไม่เห็นคุณค่าฉันแล้วหรอ?
  • แข่งกันทำงานจนลืมความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
  • หลักการ เฮกันยัง
    • เฮ - เฮเมื่อรู้ว่ามีวันหยุดยาว เตรียมกันตั้งแต่ต้นปี โปรแกรมเพียบจะไปไหนดี เตรียมตั๋ว ที่พักกันเรียบร้อย โบนัสยังไม่ออกก็ช่างมัน
    • กัน - กัน ใครที่กำลังสร้างผลงานกลัวจะแซงหน้า
    • ยัง - ยังไม่รายงานเจ้านายจนกว่าเขาจะถาม
  • หยุดวันไหน ? โบนัสเท่าไหร่? เงินเดือนจะขึ้นหรือยัง? นี้คือคำถามยอดฮิตในเวลาที่ว่างจากการทำงาน


     เป็นการเปรียบเทียบในแบบความคิดเห็นของผมนะครับ อ่านแล้วอย่าเพิ่งเครียดจนเกินไป หากตรงบ้างไม่ตรงบ้างก็ลองนำไปคิดและทำทุกอย่างให้ดีขึ้น จริงๆแล้วการทำงานแบบไทยๆก็มีดีอยู่มากมาย ที่ผมชอบที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของความยืดหยุ่น ไม่เครียดจนเกินไป ปรับสมดุลให้มีเวลาเรื่องครอบครัวและการงานอย่างสมดุล ทุกอย่างหากมีความพอดี ไม่เคร่งเกินไปเหมือนการทำงานแบบญี่ปุ่น หรือไม่หย่อนเกินไปแบบการทำงานอย่างไทยหย่อน ก็จะนำสู่ชีวิตที่ดีได้
 เพราะรักนะจึงอยากให้มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพทุกคนพัฒนาตัวเอง



วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำงานหนักหักโหมแต่สุดท้ายได้อะไร?



วิถีของมนุษย์เงินเดือนมักถูกจัดวางไว้ล่วงหน้ามาเป็น 20 ปี เราหน้าดำคร่ำเครียดเพื่อให้เรียนจบเกรดดีๆ ไม่พอแค่นั้น แถมยังต้องไปสอบแข่งขัน กับคนเป็นร้อย เป็นพัน แต่สุดท้ายรับได้เพียงไม่กี่คน กว่าจะได้งานก็ยาก พอเข้าทำงานเป็นเรื่องยากกว่า นับถือวิถีนักสู้แบบมนุษย์เงินเดือนจริงๆ


ฉาก : ความวุ่นวายตั้งแต่ต้องนั่งรถเมล์ไปทำงานจนไปถึงที่ทำงาน

มาถึงออฟฟิสก็สายพอดี เมื่อคืนทำงานดึก กลับถึงบ้านดึก หลับไปคาชุดทำงาน........
เรามุ่งมั่น ตั้งใจ ก้มหน้าก้มตา จนคอเคล็ด ร่างกายไม่ค่อยขยับ กล้ามเนื้อเกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ พิมพ์คอมนานๆ ก็พาลนิ้วล๊อค ใช้สายตามากๆก็ตาแห่ง ตาพล่ามัว ไม่รู้จะเสี่ยงเป็นต้อหินด้วยหรือเปล่า สักพัก เจ้านายบ่น เพื่อร่วมงานว่า เครียดๆๆๆๆ ไมเกรนขึ้น ความดันพุ่ง กรดไหลย้อนร้องรับ

ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย..........

ภาพมืดลงฉับพลัน

ฉาก : โรงพยาบาล/นอนบนเตียง/สายน้ำเกลือห้อนระโยงระยาง

พูดไม่ออกสักคำ ญาติพี่น้องก็ต้องลำบากมานั่งเฝ้า ไม่รู้จะนอนโรงบาลไปอีกกี่วัน ถามหมอ หมอก็ทำหน้าหนักใจบอก ต้องอยู่ดูอาการก่อน เงินที่สะสมมาตลอดชีวิตการทำงานฉันต้องมาจ่ายค่าหมอหมดเลยหรือเปล่า? บ้านในฝัน? รถในฝัน? ภรรยาในฝัน? ก็จะอยู่ในฝันอย่างนั้นต่อไปหรอ?

หลับตาลงช้าๆ

ภาพค่อยๆมืดลง

กลับสู่ความเป็นจริง

ฉาก : ออฟฟิส

สะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน มือปาดน้ำลายที่ไหลย้อย นี้เราฝันไป และโชคดีที่เราแค่ฝัน และฝันนั้นอาจจะเป็นจริงได้
แต่หากเราเปลี่ยนวันนี้ได้ มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพทั้งหลาย ไม่สายจนเกินไป ที่จะเริ่มทำวันนี้

เริ่มกันเลยครับ!!!! Start Now!!!!

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

ปรับจิตให้คิดบวก(มนุษย์เงินเดือนพันธุ์บวก+++)



เจ้านายด่า ลูกค้าบ่น สับสนกับงานมากล้น คนนี้ก็ใช้ คนโน้นก็ใช้........(ถอนหายใจ)
มนุษย์เงินเดือนจ๊าาาาาาา เธอเครียดมากไปหรือเปล่าจ๊ะ

หากเธอมีเวลาในแต่ละวัน (ขอก่อนนอนสัก 10 นาทีก็ได้ รู้ว่าอาจจะเหนื่อยแต่ 10 นาทีก่อนนอนนี้มีคุณค่ามากๆถ้าเธอจะทำ
ลองหยุดทบทวนว่าสิ่งที่เราเครียดมีอะไรบ้าง ?
สาเหตุของความเครียดอยู่ตรงไหน ?
เครียดแล้ว มีผลดีผลเสียอย่างไร ? และผลดีหรือเสีย อันไหนมากกว่ากัน ?
เชื่อเถอะว่า มุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ไม่คุ้มหรอกที่จะเครียดจนเป็นไมเกรน เครียดจนกินข้าวไม่ลง หรือบางคนแย่ขนาดถึงเครียดจนสุขภาพร่างกายย่ำแย่ ทำงานต่ออีกไม่ได้...

เปลี่ยนฉากใหม่
เป็นสีรุ้งสดใส ฟรุ๊งฟริ๊ง เจิดจรัส เต็มไปด้วยแสงแห่งความหวัง ในแววตาเต็มไปด้วยพลัง

ปรับตัวเองให้มองเห็นม่านขาว ที่มากกว่าจุดดำ เปลี่ยนแว่นตาที่ขุ่นมัวให้ใส มองให้เห็นด้านบวก แล้วแกล้งมองข้ามด้านลบไปบ้าง

  • เปลี่ยนเสียงบ่นของเจ้านาย เป็นเสียงสวรรค์ให้เราได้ปรับปรุงตัวเองให้เก่งขึ้น
  • เปลี่ยนความอิจฉาเพื่อร่วมงาน เป็นพลังแห่งการสร้างงานให้มีคุณภาพมากขึ้น
  • เปลี่ยนความเบื่อหน่าย เป็นความท้าทายไม่รู้จบ
  • เปลี่ยนการทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว เป็นการทำงานเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง
  • เปลี่ยนสิ่งที่ทำไม่ได้ เป็นการเรียนรู้จนกล้าที่จะทำ
  • เปลี่ยนความคิดลบที่บั่นทอนตวัเอง เป็นพลังแห่งความคิดบวกเพื่อความสำเร็จของการงาน
ผมเชื่อมั่นว่ามนุษย์เงินเดือนจะเปลี่ยนแนวคิดเป็นมนุษย์เงินเดือนพันธุ์คิดบวกได้ หากเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่ตามมา ฉะนั้นมาเปลี่ยนกันตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้กันเลยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตรวจเช็คสุขภาพการเงินในแบบมนุษย์เงินเดือน

     

        มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ นอกจากต้องดูแลสุขภาพตัวเองแล้วสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ คือ สุขภาพการเงิน หากสุขภาพการเงินดีย่อมกิดสภาพคล่อง และในยามฉุกเฉินจะได้ไม่เครียดมาก เพาะบางทีสุขภาพเงินเริ่มแย่ จะพาสุขภาพจิตและกายแย่ตามไปด้วยได้ เรามาตรวจเช็คสุขภาพการเงินของมนุษย์เงินเดือนกันแต่เนิ่นๆจะดีกว่า

การตรวจเช็คสุขภาพการเงินมนุษย์เงินเดือนแบบง่ายๆทำได้เอง ทำได้ดังนี้

A : สุขภาพการเงินดี
  • สินทรัพย์ (ทรัพย์ที่ไม่ใช่หนี้สิน) มีมากกว่าหนี้สิน
  • รายรับมากกว่ารายจ่าย
  • มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินพอสมควร
  • เก็บก่อนใช้
  • การเงินมีสภาพคล่อง ไม่ขาดมือ หรือชักหน้าไม่ถึงหลัง
  • มีกิน มีใช้ มีเก็บ มีแบ่งปัน (คำพระท่านว่าไว้ครับ)
  • มีการแบ่งเงินไปลงทุนเพิ่มเติมทั้งระยะสั้นและระยะยาว
  • มีอาชีพมากกว่า 1 อาชีพ และจัดการเวลาได้เป็นอย่างดี
B: สุขภาพการเงินแย่
  • หนี้สินล้นพ้นตัว เงินเดือนออกจ่ายแต่หนี้หมด
  • รายจ่ายกองเท่าช้าง รายรับกองเท่ามด
  • หมุนเงินไม่ทั ช๊อตๆๆๆๆๆ ทุกเดือน
  • ใช้ก่อนเก็บ มีร้อยเรียบทั้งร้อย มีพันเรียบเป็นพัน
  • ขาดสภาพคล่อง เงินเดือนไม่ชนเดือนสักกะที (แบบนี้เรียดเงินันหรือเงินสัปดาห์ดีครับ)
  • ไมมีกิน ไม่มีใช้ อย่าหวังว่าจะมีเก็บ
  • ไม่มีการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน
  • มีอาชีพเดียว เงินไม่พอจ่าย คิดง่ายว่าไปกู้ยืมเพิ่มก็ได้ ทบหนี้ทบดอกใช้ไม่หมดสักที
เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายลองเช็คสุขภาพเงินของตัวเองดูว่าตอนนี้เป็น A หรือ B ยังพอมีเวลาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขไม่สายจนเกินไป ให้กำลังใจสู้ๆนะครับ


วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

วางแผนเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ



แท่น แทน แทนนนนนนนนนนนน................
เปิดฉากด้วย หมอกเทียมฟุ้งกระจายไปทั่ว พร้อมไฟแสงสี แลปแป๊บสลับกันไป
มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพปรากฎกายขึ้นท่ามกลางแสงสรรเสริญและเสียงตบมือ ชื่นชมด้วยเสียงกรีดร้อง คุณคือผู้ประสบความสำเร็จ

ภาพฝันของมนุษย์เงินเดือนข้างต้น สร้างแรงบันดาลใจให้สานต่อไปสู่ความจริง แต่ความฝันจะกลายเป็นจริงได้นั้น ต้องมีสะพานกลยุทธ์เชื่อมต่อไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้

การวางแผนที่จะเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพนั้นจะต้องมอบให้ครอบคลุมทุกด้านเพื่อให้เกิดความสมดุล ขาดด้านหนึ่งด้านใด อาจทำให้ชัวิตมนุษย์เงินเดือนของเราสดุดกึก ถ้าใครเตรียมแบะสำรองไว้ก็ยังพอช่วยได้ แต่ถ้าใครไม่ได้เตรียมไว้อาจถึงกับเบรกหัวทิ่วเลยทีเดียว

วางแผนสู่มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ

  1. ตั้งเป้าหมาย
            ไม่เวอร์แต่เป็นไปได้ มีระยะเวลาแน่นอน ท้าท้ายความสามารถให้เกิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ คือ อย่างเอาเป้าหมายไปฝากไว้กับเงินมากเกินไป จนตัวเองต้องแบกและเครียดจัด ให้มองถึงคุณค่าอื่นๆ เช่น การพัฒนาตนเอง การได้เพื่อนร่วมงานดีๆเพิ่มขึ้น การได้โอกาสการเรียนรู้จากเจ้านาย (เผื่อโอกาสหน้าอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง
  2. ทำอย่างไรจะไปให้ถึง
           วางหนทางที่จะไปให้ถึงจาก step สู่ step จากง่ายไปยาก และเมื่อมีอุปสรรคระหว่างทาง เราต้องเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างไร สิ่งสำคัญ คือ ความอดทน มุ่งมั่น และกำลังใจ อย่าลืมนำออกมาใช้ให้เต็มที่ และอย่าลืมหาโอกาสการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่าน หนังสือ CD คอร์สฝึกอบรม โดยไม่ต้องรอให้บริษัทเขาจัดให้หรอก อยากรู้อะไรหาเรียนได้เลย ถ้าไม่มีโอกาสจะออกไปข้างนอก จะเรียนผ่านหน้าจอแบบออนไลน์ก็มีเยอะแยะครับ
  3. ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
          วางแผนแล้ว ตั้งเป้าแล้ว ลงมือทำแล้ว อย่าลืมติดตามผลงาขอตัวเองว่าเป็นอย่างไร ดดยสิ่งสำคัญที่เราต้องเช็คดู คือ
    • การงานเป็นอย่างไร ? ฝีมือการทำงาน คุณภาพงานดีขึ้นไหม? เราจัดการงานและจัดการคนได้เป็นระบบมากน้อยเพียงใด ? ตำแหน่งเพิ่มขึ้นไม? 
    • การเงินเป็นอย่างไร ? รายรับรายจ่ายเป็นอย่างไร ? ภาระหนี้สิน ? การจัดการการเงินคล่องตัวแค่ไหน? เงินเก็บมีมากขึ้นไหม? มีเงินนำไปลงทุนหรือไม่?
    • สุขภาพเป็นอย่างไร ? ออกกำลังกายมากน้อยเพียงใด? รับประทานอาหารเป็นประโยชน์แค่ไหน?  โรคภัยไข้เจ็บมีหรือไม่?
    • ครอบครัวเป็นอย่างไร ? ครอบครัวมีปัญหาหรือเปล่า?  มีเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวไม? ดูแลครอบครัวได้ดีแค่ไหน?
การประเมินผลต้องดูให้ครบทุกด้าน ไม่มองแต่ด้านรายได้อย่างเดียว เพราะผมเห็นหลายคนที่รายได้สูง แต่ครอบครัวกลับมีปัญหา ฉะนั้นเราควรจะยึดหลักความสมดุลเป็นหลัก เพื่อก้าวสู่มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพอย่างแท้จริง

สุขแบบมนุษย์เงินเดือน...คุณทำได้แค่เปลี่ยนตัวเอง

     
     

"มนุษย์เงินเดือน" แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เผ่าพันธุ์พิเศษแตกต่างกับมนุษย์เดินดินทั่วไปแต่อย่างใด มนุษย์เงินเดือน คือ ผู้ที่มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ มีความหวัง และยังอยากจะมีชีวิตที่ดีแบบมีความสุขได้อย่างสม่ำเสมอ ฉะนั้นเราเปิด blog ปฐมฤกษ์ว่าด้วยเรื่อง ความสุขแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน
       ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนอาจต้องผจญกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • เจ้านายบ่น ไม่เคยพอใจอะไรง่ายๆ
  • เงินเดือน กลายเป็นแค่เงินสัปดาห์ หรือเงินแค่ 3 วัน ก็หมดเกลี้ยงกระเป๋าไม่เคยชนเดือนสักที
  • เพื่อนร่วมงานชิงดีชิงเด่น เบียดเราจนตกขอบ
  • ผิดหวังกับโบนัสปีนี้ ทั้งๆที่ทำงานจนสายตัวแทบขาด แง้ๆๆๆๆ
  • เห็นฉันทำได้ ก็ถมงานมาที่ฉันเต็มที่ คนอื่นว่างงานสบายใจเฉิบ
  • และอีกเรื่องราวมากมายที่เป็นอุปสรรคอันหนักอึ้งของมนุษย์เงินเดือน.....

        หากมองเรื่องข้างบนเป็นทุกข์ที่ต้องแบกในนามของมนุษย์เงินเดือน เราก็จะต้องแบกหนัก เครียด และอุ้มลูกตุ้มถ่วงความเจริญจนทำให้ตัวเองก้าวหน้าได้ยากขึ้น เราลองมาเปลี่ยนฉากใหม่จากมือ กลายเป็นแสงสว่างว๊าบบบบบบบบบบบบ.......



ฉากใหม่ : แปลงร่างเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพแบบใสๆ ไฉไลกว่าเดิม
  • แปลงเสียงเจ้านายบ่น เป็นบทเพลงแห่งการเชิดชูสู่พนักงานดีเด่นปีนี้
  • แปลงเงินเดือน เป็นเงินปี และมีใช้ได้อีกหลายๆปี กับการจัดการการเงินในแบบมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ
  • เปลี่ยนศัตรูในที่ทำงาน เป็นมิตรเพื่อสร้างงาน สร้างองค์กร สร้างยอด และผล คือ โบนัสที่คุณควรจะได้
  • เปลี่ยนความน้อยใจเมื่อเจ้านายใช้งานมากมาย กลายเป็นคุณค่าที่เราได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น และสมแล้วที่จะได้เลื่อนตำแหน่งตอนสิ้นปี
  • เปลี่ยนความเกลียดชังอาชีพมนุษย์เงินเดือนของตัวเอง เป็นความรักที่พร้อมจะพัฒนาและมีความสุขได้ตลอดเวลา
เปลี่ยนิยามความทุกข์ของมนุษยืเงินเดือน ให้กลายเป็นสุขด้วยความเข้าใจ กับ Blog  HappySalaryMan ติดตามอย่างต่อเนื่องที่นี้

ทุกอย่างเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวคุณ เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย คุณทำได้แน่นอน !!!!